ก้าวหน้าเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบกรณีนี้เจ็บรอบสะดือ เราเกือบจะรักษาช้าเกินไป



24/5/2016 ก้าวหน้าอาเจียนสองครั้งตอน 3 ทุ่ม และตีสองของคืนนั้น ตามลำดับ ก้าวหน้าบ่นปวดท้อง
ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นโรคอาหารเป็นพิษ <- อันตรายมากสำหรับการเข้าใจผิด  โดยสรุป เรื่องนี้คือต้องวินิจฉัยโรคให้ถูกทันเวลา   โลกแห่งความเป็นจริงไม่มีใครบอกกำหนดเวลาว่าเมื่อไหร่คือทันไม่ทัน และถ้าช้าเพราะวินิจฉัยหรือตัดสินใจรักษาผิดพลาด ก็มีโอกาสตายสูงมาก  และการวินิจฉัยสำหรับเด็กผิดได้ง่าย เพราะว่าตำแหน่งอาจจะไม่ใช่ปวดล่างขวาอย่างที่เรารู้กัน และเด็กอาจจะไม่ได้บอกว่าเขาปวดมากกก และกรณีของก้าวหน้า  เราเกือบจะช้าเกินไป


  • 25/5/2016 เช้าจับตัวดู มีอาการตัวอุ่นๆ ไม่ร้อนมาก  ก้าวหน้าอาเจียนอีก ปวดท้อง นึกว่าเป็นอาหารเป็นพิษ ให้หยุดเรียนหนึ่งวัน ก้าวหน้าไม่มีแรง เดินไม่ไหว  เดินแล้วปวด

  • 26/5/2016 ก้าวหน้าปวดท้องตัวงอ นอนคว่ำคุกเข่าเหมือนคนกำลังกราบ บ่นว่าปวดตรงรอบสะดือ ให้คะแนนเจ็บ5เต็มสิบเท่านั้น ก้าวหน้าปากเป็นสีซีดขาว ไม่ได้ร้องไห้ ทำให้เราไม่ได้นึกถึงไส้ติ่งอักเสบ เพราะรู้มาว่าต้องปวดขวาล่าง  ตัวยังร้อน  คิดว่าแปลกแล้ว ต้องไปหาหมอ  ส่งไปรพตอนบ่าย หมอบอกให้admitอยู่รพ. ก้าวหน้าอ้วกตอนหมอตรวจ ยังคงปวดรอบสะดือ ก้าวหน้าไม่มีแม้แต่แรงจะเดิน2-3ก้าว เดินแล้วปวด

  • 27/5/2016  หมอมาตรวจที่ห้องนอนในรพ.ตอนเช้าประมาณ10โมง หมอจับกดไปที่ตำแหน่งไส้ติ่งก้าวหน้าร้องโอ๊ย   หมอโทรมาบอกว่ามั่นใจมากว่าเป็นไส้ติ่ง  
    • 13.00 ผมรีบรุดไปพบ ก้าวหน้าหน้าตาเหมือนคนป่วยเต็มที่ ตอนนี้ดูเหมือนจะปวดมากขึ้น แต่ถ้าหากไม่ขยับก็ไม่ปวด   ถ้าขยับก็ปวด  ก้าวหน้าโดนทำ CT scan (แต่ไม่ได้กลืนน้ำยาสี) ไม่ชัดเจนว่าเป็นไส้ติ่ง  หมอไส้ติ่งตรวจโดยการกดปล่อยที่พุง ก้าวหน้าร้องเจ็บมากตอนกด  ก้าวหน้าโดนจับไปตรวจอัลตาซาวด์  สรุปวันนี้โดน4หมอ 4คนกดสี่ครั้ง เจ็บเลย  หมอสามคนลงความเห็นว่าเป็นไส้ติ่ง  (แต่อ้ายผิงยังคงไม่เชื่อหมอ)  หมอบอกควรผ่าตัด  ผมทำการตัดสินใจให้ผ่าตัดก้าวหน้า หมอนัด16.30  
    • 14.30 ผมรีบไปรับลูกวีจากโรงเรียน  
    • 16.00 กลับมาเจออากุงของก้าวหน้าอธิบายว่าโรคไส้ติ่งไม่อันตรายอย่างไร และทำไมถึงควรเลื่อนการผ่าตัด  ระหว่างลังเล หมอได้ขึ้นมาอธิบายว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่าต้องผ่าตัด  โชคดีที่ได้คำแนะนำจากอาหมอชาตรีว่า โรคนี้สำคัญคือต้องผ่าให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอาจตายได้ และอาหมอชาตรีบอกว่า การผ่าตัดไส้ติ่งนั้นหมอผ่าตัดทุกคนเรียนเป็นบทเรียนแรก ดังนั้นสำคัญคือต้องรีบ   ตอนนี้ผมต้องตัดสินใจอีกครั้ง  ฝ่ายต่อต้านผ่าตัดมีอากุงของก้าวหน้าและแม่ของก้าวหน้า  ฝ่ายผ่าตัดคือหมอผู้ตรวจ  ผมเลือกตัดสินใจง่ายๆว่า "ถ้าไม่ผ่าแล้วผิด->ตาย ถ้าผ่าแล้วผิด->เจ็บ   เจ็บหายตายไม่ฟื้น ดังนั้นผ่า"
    • 16.30 ส่งก้าวหน้าเข้าห้องผ่าตัด
    • 19.00 หมอผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย เรียกผมไปคุยด้วย หมอได้พบว่าเป็นโรคไส้ติ่งและแตกแล้ว โชคดีที่หนองยังไม่กระจาย เพราะมีไขมันไปห่อหุ้ม ไขมันนี้ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตนเอง  การตายของไส้ติ่งแตก(ส่วนใหญ่)เกิดจากหนองกระจายไปทั่วในท้องที่มีช่องว่างเรียกช่องท้อง  แล้วเข้าไปในเลือดตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ก่อให้เกิดเลือดเป็นพิษเนื่องจากกรณีก้าวหน้าแตกแล้ว แต่หนองไม่ได้กระจาย ทำให้ยังคงปลอดภัย  ผมคาดเองว่า ยิ่งทิ้งไว้นานโอกาศที่หนองจะเล็ดลอดไขมันหุ้มออกไปยิ่งสูง หรือโอกาศที่ไขมันหุ้มจะแตกด้วยก็คงมี  ดังนั้นการตัดสินใจผ่าตัดถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและsaveชีวิตก้าวหน้าเอาไว้
    • 20.00 ก้าวหน้ากลับมาที่ห้องพักหลังผ่าตัด เจ็บแผล   หมอบอกงดน้ำงดอาหารเพราะไส้ที่เพิ่งเย็บยังไม่ดีพอจะทำงานรับอาหาร,น้ำ

  • 28/5/2016 หมอบอกให้ก้าวหน้าเดินเพื่อกันพังผืดพันลำไส้ ก้าวหน้าลงจากเตียงและเดินอย่างช้าๆ ก้าวหน้าปากแห้งเพราะอดน้ำ  บ่นเจ็บแผล แต่ไม่บ่นเจ็บรอบสะดืออีกต่อไป ไม่ขดตัวงออีกต่อไป ก้าวหน้าเดินกระเทือนแผล แต่ไม่มีท่าทีหมดแรงเพราะเจ็บสะดืออีกต่อไป

  • 29/5/2016 หมอให้จิบน้ำได้  ก้าวหน้าได้จิบน้ำ ปากกลับมาเป็นสีชมพู  เริ่มยิ้มได้  แม้ว่าจะหัวเราะแล้วเจ็บแผล  แต่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าก้าวหน้าไม่เจ็บรอบสะดืออย่างที่เคยเป็นมา  นี่ต้องยืนยันถึงการเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ เพราะเมื่อผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก อาการก็หาย

  • 30/5/2016 ก้าวหน้ายิ้มได้แล้ว หัวเราะได้แล้ว  กินโจ๊กที่เละมากๆได้แล้ว ดื่มน้ำได้แล้ว
  • 31/5/2016 พยาบาลเอาน้ำเกลือออกจากมือก้าวหน้า   ก้าวหน้ากินส้มได้แล้ว  คาดว่าวันที่1/6/2016คงออกจากโรงพยาบาลได้




ความคิดเห็น

  1. ขอบคุณหมอทุกท่านที่วินิจฉัยถูกต้องทันเวลาครับ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม