ก้าวหน้าเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบกรณีนี้เจ็บรอบสะดือ เราเกือบจะรักษาช้าเกินไป
ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นโรคอาหารเป็นพิษ <- อันตรายมากสำหรับการเข้าใจผิด โดยสรุป เรื่องนี้คือต้องวินิจฉัยโรคให้ถูกทันเวลา โลกแห่งความเป็นจริงไม่มีใครบอกกำหนดเวลาว่าเมื่อไหร่คือทันไม่ทัน และถ้าช้าเพราะวินิจฉัยหรือตัดสินใจรักษาผิดพลาด ก็มีโอกาสตายสูงมาก และการวินิจฉัยสำหรับเด็กผิดได้ง่าย เพราะว่าตำแหน่งอาจจะไม่ใช่ปวดล่างขวาอย่างที่เรารู้กัน และเด็กอาจจะไม่ได้บอกว่าเขาปวดมากกก และกรณีของก้าวหน้า เราเกือบจะช้าเกินไป
- 25/5/2016 เช้าจับตัวดู มีอาการตัวอุ่นๆ ไม่ร้อนมาก ก้าวหน้าอาเจียนอีก ปวดท้อง นึกว่าเป็นอาหารเป็นพิษ ให้หยุดเรียนหนึ่งวัน ก้าวหน้าไม่มีแรง เดินไม่ไหว เดินแล้วปวด
- 26/5/2016 ก้าวหน้าปวดท้องตัวงอ นอนคว่ำคุกเข่าเหมือนคนกำลังกราบ บ่นว่าปวดตรงรอบสะดือ ให้คะแนนเจ็บ5เต็มสิบเท่านั้น ก้าวหน้าปากเป็นสีซีดขาว ไม่ได้ร้องไห้ ทำให้เราไม่ได้นึกถึงไส้ติ่งอักเสบ เพราะรู้มาว่าต้องปวดขวาล่าง ตัวยังร้อน คิดว่าแปลกแล้ว ต้องไปหาหมอ ส่งไปรพตอนบ่าย หมอบอกให้admitอยู่รพ. ก้าวหน้าอ้วกตอนหมอตรวจ ยังคงปวดรอบสะดือ ก้าวหน้าไม่มีแม้แต่แรงจะเดิน2-3ก้าว เดินแล้วปวด
- 27/5/2016 หมอมาตรวจที่ห้องนอนในรพ.ตอนเช้าประมาณ10โมง หมอจับกดไปที่ตำแหน่งไส้ติ่งก้าวหน้าร้องโอ๊ย หมอโทรมาบอกว่ามั่นใจมากว่าเป็นไส้ติ่ง
- 13.00 ผมรีบรุดไปพบ ก้าวหน้าหน้าตาเหมือนคนป่วยเต็มที่ ตอนนี้ดูเหมือนจะปวดมากขึ้น แต่ถ้าหากไม่ขยับก็ไม่ปวด ถ้าขยับก็ปวด ก้าวหน้าโดนทำ CT scan (แต่ไม่ได้กลืนน้ำยาสี) ไม่ชัดเจนว่าเป็นไส้ติ่ง หมอไส้ติ่งตรวจโดยการกดปล่อยที่พุง ก้าวหน้าร้องเจ็บมากตอนกด ก้าวหน้าโดนจับไปตรวจอัลตาซาวด์ สรุปวันนี้โดน4หมอ 4คนกดสี่ครั้ง เจ็บเลย หมอสามคนลงความเห็นว่าเป็นไส้ติ่ง (แต่อ้ายผิงยังคงไม่เชื่อหมอ) หมอบอกควรผ่าตัด ผมทำการตัดสินใจให้ผ่าตัดก้าวหน้า หมอนัด16.30
- 14.30 ผมรีบไปรับลูกวีจากโรงเรียน
- 16.00 กลับมาเจออากุงของก้าวหน้าอธิบายว่าโรคไส้ติ่งไม่อันตรายอย่างไร และทำไมถึงควรเลื่อนการผ่าตัด ระหว่างลังเล หมอได้ขึ้นมาอธิบายว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่าต้องผ่าตัด โชคดีที่ได้คำแนะนำจากอาหมอชาตรีว่า โรคนี้สำคัญคือต้องผ่าให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นอาจตายได้ และอาหมอชาตรีบอกว่า การผ่าตัดไส้ติ่งนั้นหมอผ่าตัดทุกคนเรียนเป็นบทเรียนแรก ดังนั้นสำคัญคือต้องรีบ ตอนนี้ผมต้องตัดสินใจอีกครั้ง ฝ่ายต่อต้านผ่าตัดมีอากุงของก้าวหน้าและแม่ของก้าวหน้า ฝ่ายผ่าตัดคือหมอผู้ตรวจ ผมเลือกตัดสินใจง่ายๆว่า "ถ้าไม่ผ่าแล้วผิด->ตาย ถ้าผ่าแล้วผิด->เจ็บ เจ็บหายตายไม่ฟื้น ดังนั้นผ่า"
- 16.30 ส่งก้าวหน้าเข้าห้องผ่าตัด
- 19.00 หมอผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย เรียกผมไปคุยด้วย หมอได้พบว่าเป็นโรคไส้ติ่งและแตกแล้ว โชคดีที่หนองยังไม่กระจาย เพราะมีไขมันไปห่อหุ้ม ไขมันนี้ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตนเอง การตายของไส้ติ่งแตก(ส่วนใหญ่)เกิดจากหนองกระจายไปทั่วในท้องที่มีช่องว่างเรียกช่องท้อง แล้วเข้าไปในเลือดตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ก่อให้เกิดเลือดเป็นพิษเนื่องจากกรณีก้าวหน้าแตกแล้ว แต่หนองไม่ได้กระจาย ทำให้ยังคงปลอดภัย ผมคาดเองว่า ยิ่งทิ้งไว้นานโอกาศที่หนองจะเล็ดลอดไขมันหุ้มออกไปยิ่งสูง หรือโอกาศที่ไขมันหุ้มจะแตกด้วยก็คงมี ดังนั้นการตัดสินใจผ่าตัดถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและsaveชีวิตก้าวหน้าเอาไว้
- 20.00 ก้าวหน้ากลับมาที่ห้องพักหลังผ่าตัด เจ็บแผล หมอบอกงดน้ำงดอาหารเพราะไส้ที่เพิ่งเย็บยังไม่ดีพอจะทำงานรับอาหาร,น้ำ
- 28/5/2016 หมอบอกให้ก้าวหน้าเดินเพื่อกันพังผืดพันลำไส้ ก้าวหน้าลงจากเตียงและเดินอย่างช้าๆ ก้าวหน้าปากแห้งเพราะอดน้ำ บ่นเจ็บแผล แต่ไม่บ่นเจ็บรอบสะดืออีกต่อไป ไม่ขดตัวงออีกต่อไป ก้าวหน้าเดินกระเทือนแผล แต่ไม่มีท่าทีหมดแรงเพราะเจ็บสะดืออีกต่อไป
- 29/5/2016 หมอให้จิบน้ำได้ ก้าวหน้าได้จิบน้ำ ปากกลับมาเป็นสีชมพู เริ่มยิ้มได้ แม้ว่าจะหัวเราะแล้วเจ็บแผล แต่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าก้าวหน้าไม่เจ็บรอบสะดืออย่างที่เคยเป็นมา นี่ต้องยืนยันถึงการเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ เพราะเมื่อผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก อาการก็หาย
- 30/5/2016 ก้าวหน้ายิ้มได้แล้ว หัวเราะได้แล้ว กินโจ๊กที่เละมากๆได้แล้ว ดื่มน้ำได้แล้ว
- 31/5/2016 พยาบาลเอาน้ำเกลือออกจากมือก้าวหน้า ก้าวหน้ากินส้มได้แล้ว คาดว่าวันที่1/6/2016คงออกจากโรงพยาบาลได้
ขอบคุณหมอทุกท่านที่วินิจฉัยถูกต้องทันเวลาครับ
ตอบลบ